516 จำนวนผู้เข้าชม |
แน่นอนว่าเครื่องดื่มอย่างโกโก้เป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าจะมีการจัดอันดับเมนูเครื่องดื่มกี่ครั้ง โกโก้ก็จะติดอยู่ในอันดับต้นๆ ของเครื่องดื่มรสชาติอร่อยเสมอ โกโก้ หรือ Cocoa เป็นต้นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ความสูงของต้นอยู่ที่ประมาณ 3 -13 เมตร มีต้นกำเนิดอยู่ในป่าร้อนชื้นของทวีปอเมริกา โดยส่วนประกอบสำคัญของต้นคือ เมล็ดโกโก้ที่มักนิยมนำมาแปรรูปเป็น ผงโกโก้ วัตถุดิบสำคัญในเครื่องดื่มเมนูรสชาติอร่อยที่หลายคนคุ้นเคย แต่เหล่าแฟนคลับโกโก้รู้หรือไม่ว่า เดิมที่แล้วเครื่องดื่มอย่างเมนูโกโก้เป็นเครื่องดื่มของชนชั้นสูง หรือผู้มีฐานะเท่านั้น เพราะคำว่า Cocoa มีความหมายว่า “อาหารแห่งทวยเทพ” ซึ่งที่มาของชื่อนี้มีมาตั้งแต่สมัยพระนางคลีโอพัตราแห่งอียิปต์ โดยในสมัยของพระนางโกโก้ไม่ได้ถูกดื่มเพียงเพราะรสชาติที่อร่อยเท่านั้น แต่โกโก้ยังถูกดื่มเพื่อให้รู้สึกกระชุ่มกระชวยด้วย ซึ่งวิธีในการดื่มคือจะโรยพริกไทยและพริกป่นลงไปเสริม เพราะในสมัยนั้นเชื่อว่าโกโก้ ที่ใส่พริกไทยและพริกป่นลงไปจะดีต่อกระเพาะอาหารและยังสามารถช่วยรักษาโรคหวัดได้ด้วย ดังนั้นโกโก้จึงไม่ได้เป็นเครื่องดื่มที่ได้เพียงแค่ความอร่อย แต่โกโก้ยังมีคุณประโยชน์อีกมากมายและได้รับการแพร่หลายไปทั่วทุกมุมโลกตั้งแต่นั้นมา
ผงโกโก้สามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลักๆ คือกลุ่ม Natural Cocoa Powder และ Dutch-Process ที่จะมีความแตกต่างกันชัดเจนคือ โทนสี โดย Natural Cocoa Powder หรือผงโกโก้แบบธรรมชาติจะมีโทนสีแบบสีน้ำตาลคล้ายกับสีดินแห้งๆ เมื่อนำมาเป็นวัตถุดิบในขนมหวานจะมีรสขมกว่า นิยมใช้ในการทำบราวนี่ เพราะได้รสชาติแบบช็อกโกแลตเข้มข้น และต้องใช้เบกกิ้งโซดามาเป็นส่วนผสมควบคู่เนื่องจากผงโกโก้แบบธรรมชาติจะมีความเป็นกรด ส่วนผงโกโก้แบบ Dutch-Process หรือ Alkalized Cocoa Powder จะมีสีน้ำตาลอมแดงสวย ขมน้อยกว่าและรสชาติอร่อยละมุนกว่า จะมีขั้นตอนการผลิตที่แตกต่างออกไปเล็กน้อยคือ ผงโกโก้แบบ Dutch จะใช้ด่างมาหมักให้กรดกลายเป็นกลางเสียก่อน แล้วค่อยนำมาบีบอัดแยกไขมันและเข้าขั้นตอนการทำเป็นผงโกโก้ โดยทั้ง 2 กลุ่มหลักๆ จะมีวิธีการคร่าวๆ ในผลิตดังนี้
1. การเก็บเกี่ยวผลโกโก้
ผลของโกโก้จะมีลักษณะคล้ายแคนตาลูปยาวๆ ภายในหนึ่งผลจะมีเมล็ดอยู่ประมาณ 30 - 50 เมล็ด เมื่อผลโกโก้สุกจะถูกนำมาผ่าครึ่งแกะเมล็ดออกและนำไปหมัก
2. การหมักเมล็ดโกโก้
หลังจากถูกแกะเมล็ดออกมาเรียบร้อย จะเข้าสู่กระบวนการหมักประมาณ 5 - 6 วัน ในระหว่างช่วงของการหมักนี้เมล็ดจะเริ่มเปลี่ยนไปมีสีน้ำตาลและเริ่มมีรสชาติที่ดี กลิ่นที่ดีและมีความขมลดลง
3. การพักแห้ง
เมื่อเสร็จสิ้นการหมัก เมล็ดโกโก้ที่เป็นสีน้ำตาลแล้วจะถูกนำมาสู่การทำให้แห้ง โดยวิธีการพักแห้งสามารถเลือกทำได้ 2 วิธีคือ วิธีแรก ตากแดด วิธีนี้จะใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ และวิธีที่ 2 ใช้เครื่องจักรทำความร้อน วิธีนี้จะใช้เวลาน้อยกว่า ซึ่งไม่ว่าจะเลือกใช้วิธีการพักแห้งแบบใด เมล็ดโกโก้ที่ผ่านขั้นตอนนี้จะมีสีน้ำตาลที่ออกเข้มกว่าเดิม
4. การคั่วเมล็ดโกโก้
ขั้นตอนการคั่วเมล็ดเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุดเพราะมีผลต่อรสชาติที่จะส่งออกไป โดยความร้อนที่มักจะใช้ในการคั่วจะอยู่ระหว่าง 120-130 องศาเซลเซียส (หรือน้อยกว่า) และใช้เวลาในการคั่วประมาณ 10 - 30 นาที
5. การบด
เมื่อเมล็ดโกโก้ผ่านการคั่วที่ได้รสชาติตามที่ต้องการแล้ว เมล็ดโกโก้จะถูกนำไปบดด้วยความเร็วและอุณหภูมิที่สูง เพื่อเปลี่ยนให้ Cacao nib เป็นสีน้ำตาลที่มีความหนืดหรือเรียกว่า Cacao liquor หรือ Cacao paste ที่มีไขมันโกโก้อยู่ประมาณ 53-55 เปอร์เซ็นต์
6. การ Pressing
และหลังจากที่ได้ Cacao paste แล้ว โกโก้จะถูกนำเข้าเครื่องอัดรีดเพื่อแยกไขมันโกโก้ (Cocoa Butter) ออกมา ซึ่งขั้นตอนนี้ไขมันโกโก้จะถูกรีดออกโดยประมาณ 75 เปอร์เซ็นต์ผ่านเครื่องจักร Hydraulic ซึ่งถ้าใครไม่เคยเห็นไขมันโกโก้ละก็ ไขมันโกโก้จะมีสีขาวซึ่งจะแยกตัวออกจากสีน้ำตาลเข้ม Cocoa Solid หรือ Cocoa Cake
7. การ Milling
Cocoa Solid หรือ Cocoa Cake ที่ได้จากการอัดรีดไขมันโกโก้ออกแล้วจะถูกนำไปบดและร่อนอีกหนึ่งรอบ เพื่อให้ได้ ผงโกโก้ (Cocoa powder) ที่เรานำมาใช้ชงเครื่องดื่มหรือทำขนมกัน
เมล็ดโกโก้เป็นผลผลิตที่อุดมไม่ด้วยสารอาหารที่มีคุณประโชยน์มากมาย ดังนั้นการนำเมล็ดโกโก้มาแปรรูปเป็นผงโกโก้ วัตถุหลักและสำคัญของเครื่องดื่มรสชาติอร่อยจึงมีสรรพคุณและประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพหลายประการ ดังนี้
1. มีสารต้านอนุมูลอิสระ
เมล็ดโกโก้อุดมไปด้วยสารต่างๆ โดยเฉพาะสารโพลีฟีนอล (Pholyphenols) สารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยเรื่องการบรรเทาอาการอักเสบ ช่วยลดความดันโลหิต ช่วยการไหลเวียนของเลือดและช่วยควบคุมปริมาณคอเลสเตอรอลและน้ำตาลในเส้นเลือด
2. ช่วยปรับสมดุลอารมณ์ ความรู้สึก และบำรุงสมองพร้อมระบบประสาท
นอกจาก สารโพลีฟีนอล ที่ค้นพบในเมล็ดโกโก้แล้ว ยังมีสารฟลาโวนอยด์ (Flavanols) สารที่มีส่วนช่วยในการปรับสมดุลของอารมณ์และความรู้สึก หากผู้ดื่มได้ดื่มเครื่องดื่มเมนูโกโก้เข้าไปจะรู้สึกได้ถึงความเครียดที่ลดน้อยลงและรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นที่เป็นไปอย่างธรรมชาติ และสารฟลาโวนอยด์ที่มีอยู่ในโกโก้ยังมีส่วนช่วยในการกระตุ้นการผลิต สารไนตริกออกไซด์ (Nitric oxide) ซึ่งเป็นสารสำคัญที่ช่วยให้กล้ามเนื้อเส้นเลือดผ่อนคลายหรือคลายตัวลง ส่งผลให้เลือดมีการสูบฉีดที่ดีขึ้น และไหลเวียนสู่ระบบสมองได้ดีขึ้นด้วยฃ
3. ลดไขมันเลว ลดอัตราการเกิดโรคหัวใจ
การผลิตของสารไนตริกออกไซด์ที่เกิดจากสารฟลาโวนอยด์ที่ค้นพบในเมล็ดโกโก้ไม่เพียงแต่จะช่วยเรื่องระบบประสาทและสมองเท่านั้น แต่ระบบการไหลเวียนเลือดที่ดี การสูบฉีดเลือดที่ดีขึ้น ยังสามารถช่วยลดปริมาณไขมันเลว (LDL cholesterol) ในร่างกายและลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจได้ตามลำดับ
4. ช่วยควบคุมน้ำหนัก
หลายคนอาจจะเห็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นตัวช่วยในการลดน้ำหนักที่วางขายอยู่ตามท้องตลาดทั่วไป มักมีส่วนผสมจากโกโก้ เพราะในโกโก้มีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของร่างกาย ลดหิว เพิ่มการออกซิเดชันของไขมัน และช่วยให้ผู้บริโภครู้สึกอิ่ม ซึ่งในการดื่มโกโก้เพื่อควบคุมน้ำหนักนั้น ควรเลือกดื่มโกโก้ในปริมาณที่เหมาะสมต่อวันและเลือกดื่มโกโก้ที่มีคุณภาพ
แต่ทั้งนี้สารอาหารที่อุดมอยู่ในเมล็ดโกโก้จะสามารถส่งต่อถึงผู้บริโภคได้อย่างเต็มที่และครบถ้วนได้ ต้องผ่านกระบวนการผลิตที่มีมาตรฐานและผ่านการควบคุมความร้อนในการผลิต เพื่อไม่ให้ลดทอนสารอาหารหรือคุณประโยชน์พิเศษที่อยู่ในเมล็ดโกโก้ออกไป ฉะนั้นก่อนคุณจะเลือกซื้อ ผงโกโก้ ยี่ห้อไหนดี อย่าลืมดูวิธีการผลิตและเลือกผงโกโก้ให้ตรงกับการใช้งานของคุณ
ติดต่อสอบถาม หรือสั่งซื้อสินค้าได้ที่ Line Official คลิ๊ก >>