2053 จำนวนผู้เข้าชม |
ก่อนจะมาเป็นเครื่องทำกาแฟที่แสนสะดวกสบายทุกวันนี้ เราขอย้อนกลับไปเมื่อปี 1903 ที่ผู้คิดค้นกาแฟรู้สึกว่าทุกๆ เช้าของเขานั้นได้เสียเวลาไปกับการชงกาแฟเป็นอย่างมาก เขาจึงคิดค้นเครื่องมือที่จะทำให้เขาสามารถลดเวลาในส่วนนี้ออกไป และได้ดื่มกาแฟในเวลาที่รวดเร็วขึ้น โดยเริ่มแรกเครื่องมือนี้ถูกเรียกว่า “Fast Coffee Machine” หรือ “Espresso” ที่ในภาษาอิตาลีแปลว่า “เร็ว” นั้นเอง และหลังจากนั้นในปี 1927 ที่การคิดค้นเครื่องทำกาแฟได้ถูกส่งต่อไปยัง เดซิเดอโร่ ปาโวนิ ก็ทำให้การทำกาแฟเอสเปสโซและเครื่องทำกาแฟเป็นที่นิยมไปอย่างแพร่หลายในสหรัฐอเมริกา และส่งผลให้ผู้คนสามารถเปิดร้านกาแฟกันได้มากขึ้น เพราะการทำกาแฟไม่เป็นเรื่องที่เสียเวลาและยุ่งยากอีกต่อไป สำหรับใครที่กำลังมองหา เครื่องชงกาแฟ เพราะคิดว่าอยากจะเริ่มต้นการเปิดร้านกาแฟเป็นของตัวเองนั้น จะเริ่มต้นเลือกเครื่องแบบไหน เครื่องมีกี่ประเภท และมีวิธีเลือกเครื่องทำกาแฟยังไง วันนี้เราจะขอพาคุณไปทำความรู้จักประเภทและวิธีเลือกดีๆ ของคนที่อยากเปิดร้านกาแฟกัน
สิ่งสำคัญนอกจากเมล็ดพันธุ์กาแฟที่ดี ส่วนผสมที่ดีแล้ว เครื่องสำหรับการทำกาแฟก็เป็นส่วนสำคัญต่อรสชาติของกาแฟที่เราจะชงให้ลูกค้าดื่ม เพราะนอกจากรสชาติแล้ว มันยังส่งผลไปถึงความเข้มข้น กลิ่นและสัมผัสที่ได้ด้วย ซึ่งในปัจจุบันนี้เครื่องมือที่ช่วยให้คุณชงกาแฟได้ดี รสชาติอร่อยก็มีให้เลือกหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทก็จะมีวิธีใช้และให้ความแตกต่างกันดังนี้
1. ขนาดของเครื่องทำกาแฟ
การจะเลือกขนาดของตัวเครื่องทำกาแฟนั้นมีปัจจัยประกอบหลายอย่าง ก่อนอื่นเราต้องสำรวจก่อนว่า ร้านกาแฟของเราเป็นร้านกาแฟประเภทไหน ขนาดร้านของคุณใหญ่หรือเล็ก คิดว่าจะขายปริมาณกี่แก้วต่อวัน เมื่อได้ข้อมูลเหล่านี้แล้ว คุณจะสามารถนำไปเลือกขนาดของเครื่องชงได้ว่าต้องใช้ขนาดเท่าไหร่ ต่อมาเมื่อได้ขนาดตามที่ต้องการแล้ว ให้คุณเปรียบเทียบราคาของเครื่องชง และคุณสมบัติของเครื่องชงหลายๆแบรนด์ เพื่อให้ได้เครื่องชงในขนาดที่เหมาะสมกับร้านของคุณที่สุด
2. ลักษณะการทำงานของเครื่องทำกาแฟ
ลักษณะการทำงานของเครื่องทำกาแฟก็เป็นสิ่งที่ต้องตอบโจทย์กับร้าน เพราะอย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าประเภทของเครื่องนั้นมีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Espresso Machine (ทำกาแฟแบบเอสเพรสโซ) หรือ Drip Coffee Maker (ทำกาแฟแบบหยดหรือแบบดริป) เพราะการทำงานของเครื่องทำกาแฟแต่ละเครื่องก็จะให้รสชาติกาแฟที่แตกต่างกันไป และโดยส่วนใหญ่แล้วร้านกาแฟมักจะเลือกใช้ เครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ่ แต่ถ้าเป็นสายร้านกาแฟสโลว์บาร์ก็อาจจะเลือกเครื่องแบบ Drip Coffee Maker
3. แบรนด์และแหล่งผลิตของเครื่องทำกาแฟ
การเลือกแบรนด์เครื่องทำกาแฟที่มีชื่อเสียงก็เป็นเครื่องช่วยการันตีคุณภาพของกาแฟที่คุณจะชงได้ ซึ่งในแต่ละแบรนด์ก็จะมีราคาที่แตกต่างกันไปตั้งแต่หลักพัน ไปถึงหลักหมื่นหรือถึงหลักล้านเลยก็มี
4. การบริการหลังการขายของตัวแทนจำหน่าย
และนอกจากการเลือกขนาด เลือกลักษณะการทำงาน เลือกแบรนด์ของเครื่องทำกาแฟให้เหมาะกับร้านของตัวเองแล้วนั้น การตรวจเช็คและดูแลเครื่องทำกาแฟก็เป็นสิ่งสำคัญกับร้านและเจ้าของร้านกาแฟ เพราะเครื่องทำกาแฟที่ถูกใช้งานอยู่ตลอด การทำความสะอาดหรือดูแลง่ายๆ อาจจะทำได้โดยเจ้าของร้านหรือบาริสต้า แต่สำหรับการซ่อมแซมและบำรุงนั้นไม่ใช่เรื่องที่สามารถทำได้ด้วยตนเอง ฉะนั้นบริการหลังการขายจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามอย่างยิ่ง ต้องเลือกตัวแทนจำหน่ายที่รับประกันการซ่อมแซม และอย่าลืมตรวจเช็คระยะเวลาประกันตัวเครื่องให้ดี
ติดต่อสอบถาม หรือสั่งซื้อสินค้าได้ที่ Line Official คลิ๊ก >>