ก่อนที่เราจะได้ดื่มกาแฟสดยามเช้าที่หอมกรุ่น กระบวนการและกรรมวิธีในการชง มีส่วนสำคัญมากต่อรสชาติและความกลมกล่อม ซึ่งกาแฟในแต่ละแบบก็ใช้วิธีการชงที่แตกต่างกันออกไป อีกทั้งไม่ว่าจะชงกาแฟด้วยวิธีไหนก็แล้วแต่ ผู้ชงต่างก็ต้องมีความชำนาญ มีศิลปะ รวมถึงมีหลักการวิชาการ ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีความจำเป็นสำหรับใครก็ตามที่ต้องการเป็น “บาริสต้า” ที่สมบูรณ์แบบ โดยเราสามารถแบ่งกรรมวิธีในการชงกาแฟได้เป็น 4 วิธี ดังนี้
Credit : propertyturkey.com
1.การต้มกาแฟให้เดือด
การต้มกาแฟ ถือว่าเป็นวิธีที่เก่าแก่ในการชงกาแฟ วิธีนี้สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ แม้ว่าในปัจจุบันจะมีเครื่องชงกาแฟอันทันสมัย แต่ในดินแดนตะวันออกกลาง ตุรกี กรีซ รวมถึงดินแดนแอฟริกาทางตอนเหนือ ยังคงใช้และสืบทอดกรรมวิธีนี้อยู่
วิธีการต้มเดือด ทำได้โดยใส่ผงกาแฟที่บดให้มีความละเอียด ลงไปในหม้อที่มีน้ำ ซึ่งหม้อที่ว่านี้ ในแต่ละท้องถิ่นก็จะเรียกแตกต่างกันออกไปตามภาษาที่แตกต่างกัน เช่น ในภาษาอาราบิคจะเรียกหม้อนี้ว่า ไอบริก (ibrik) แต่ถ้าเป็นชาวตุรกีก็จะเรียกว่า เซสฟ์ (cezve)
หลังจากนั้นให้นำส่วนผสมที่ได้ไปต้ม เมื่อเดือดแล้วก็รออีกสักครู่ ก็จะได้กาแฟต้มที่หอมกรุ่น มีฟองสีขาวสวยงามลอยอยู่ด้านบน ส่วนที่ก้นแก้วนั้นก็เต็มไปด้วยกากกาแฟที่นอนก้นอยู่ ถ้าต้องการแต่งรสชาติให้กาแฟต้มอร่อยมากขึ้น อาจเติมรสหวานเล็กน้อยด้วยน้ำตาล หรือเติมกระวานเล็กน้อยเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม
Credit : coffeedrinker.net 2.การชงกาแฟโดยใช้ความดัน
กาแฟที่ถูกชงด้วยการใช้ความดันที่เรารู้จักกันดี คือ กาแฟเอสเปรซโซ ซึ่งเป็นกาแฟที่มีความเข้มสูงมาก มีกลิ่นและรสชาติที่เป็นจุดเด่นไม่เหมือนใคร อีกทั้งกาแฟเอสเปรซโซยังสามารถนำไปใช้ทำกาแฟประเภทอื่น ๆ ได้อีกเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ การชงกาแฟด้วยการใช้หม้อ Moka ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ส่วน โดยส่วนล่างสุดจะใส่น้ำ และจะเป็นจุดที่น้ำเดือด และจะส่งไอน้ำขึ้นไปในส่วนที่สองหรือส่วนกลาง ซึ่งจะเป็นส่วนที่บรรจุกาแฟ เมื่อไอน้ำลอยผ่านผลกาแฟ ก็จะนำเอารสชาติ กลิ่น และความเข้มของกาแฟติดลอยติดขึ้นไปด้วย โดยชั้นบนสุดจะเป็นแหล่งเก็บไอกาแฟที่ลอยผ่านขึ้นมานั่นเอง ซึ่งกาแฟที่ได้จากหม้อ Moka จะมีลักษณะและความเข้มคล้ายกับเอสเปรซโซ
Credit : livingmaxwell.com
3.การชงกาแฟโดยใช้แรงโน้มถ่วงหรือการชงแบบหยด
การชงกาแฟแบบหยด จะใช้แรงโน้มถ่วงของโลก ดึงหยดน้ำร้อนที่ผ่านผงกาแฟที่ใส่ไว้ในกรอง ที่อาจเป็นแผ่นกรองกระดาษ หรือเป็นแผ่นโลหะที่เจาะรู้เล็ก ๆ ก็ได้ เมื่อน้ำร้อนผสมเข้ากับผงกาแฟ ก็จะละลายผงกาแฟลงไปและผ่านแผ่นกรองออกไป โดยการชงด้วยวิธีนี้ ความเข้มข้นที่ได้จะน้อยกว่ากาแฟเอสเปรซโซ
Credit : ptscoffee.com
4.การชงกาแฟแบบจุ่ม การชงกาแฟโดยอาศัยกรรมวิธีการจุ่ม เช่น การชงกาแฟแบบเฟรนซ์เพรส ไม่ค่อยได้รับความนิยมจากนักดื่มกาแฟมากนัก เนื่องจากต้องใช้ปริมาณของผงกาแฟมาก โดยเครื่องชงแบบจุ่ม จะมีลักษณะเป็นกระบอกที่ทำจากแก้ว มีความสูงมากกว่าส่วนฐานมาก ภายในเครื่องจะมีลูกสูบที่ติดตัวกรองเอาไว้ เมื่อนำน้ำร้อนผสมกับผงกาแฟเรียบร้อยแล้ว ก็จะดันลูกสูบลงไป น้ำกาแฟก็จะผ่านแผ่นกรองขึ้นมาด้านบน ส่วนกากกาแฟก็จะถูกดันลงด้านล่าง
แม้ว่าการชงกาแฟในแต่ละแบบจะให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไป แต่สิ่งสำคัญหนึ่งที่จะเป็นตัวกำหนดคุณภาพรวมถึงรสชาติของกาแฟ ก็คือความสดใหม่ของเมล็ดกาแฟคั่ว การใช้เมล็ดกาแฟคั่วใหม่ ๆ จะส่งผลต่อกลิ่นและความเข้าของกาแฟ นอกจากนี้ความละเอียดของผงกาแฟยังมีความแตกต่างกันระหว่างชนิดของกาแฟอีกด้วย อีกทั้งความละเอียดที่แตกต่างกัน ยังส่งผลต่อการเลือกเครื่องชงที่แตกต่างกันอีกด้วย
บทความจาก....http://www.coffeefavour.com